top of page

'กัญชา' ศตวรรษที่ศูนย์หายและการเริ่มต้นจำกัดทำให้ผิดกฎหมาย

อัปเดตเมื่อ 12 ก.ค.

เขียนโดยร้าน BANGYA BONG ZING วันที่ 30 มิถุนายน 2567

 
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2522
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2522

กัญชา พืชที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เคยถูกมองว่าเป็นยาเสพติดร้ายแรง ถูกห้ามปลูก ครอบครอง ซื้อ ขาย หรือแจกจ่าย แต่ปัจจุบัน กัญชากลับกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่หลายประเทศให้ความสนใจ บทความนี้จะพาทุกท่านไปสัมผัสกับมุมมองใหม่ของกัญชา เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ กฎหมาย ผลกระทบ และอนาคตของพืชชนิดนี้ในประเทศไทย


ย้อนกลับไปในช่วงสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันที่ประจำการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย ได้สัมผัสและใช้งานกัญชาที่มีอยู่ในท้องถิ่น เมื่อกลับมาสหรัฐอเมริกา พวกเขาได้นำกัญชาจากไทยกลับมาด้วย ซึ่งส่งผลให้กัญชาจากไทยเป็นที่นิยมในหมู่ทหารและประชาชนทั่วไปในสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลานั้น


จากการเพิ่มขึ้นของการใช้กัญชาในสหรัฐอเมริกา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตอบสนองด้วยการออกกฎข้อบังคับที่เข้มงวดเกี่ยวกับการใช้กัญชา ในปี 1970 สหรัฐฯ ได้ประกาศใช้กฎหมาย Controlled Substances Act (CSA) ซึ่งจัดให้กัญชาเป็นสารเสพติดประเภทที่ 1 (Schedule I) ซึ่งหมายความว่ากัญชาเป็นสารเสพติดที่มีความเสี่ยงสูงและไม่มีการใช้ทางการแพทย์ที่ยอมรับได้


หลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้ประกาศใช้กฎหมาย Controlled Substances Act (CSA) ในปี 1970 ซึ่งจัดให้กัญชาเป็นสารเสพติดประเภทที่ 1 (Schedule I) สหรัฐฯ ได้ใช้ความพยายามในการส่งเสริมและกดดันให้ประเทศอื่น ๆ ปฏิบัติตามแนวทางการควบคุมสารเสพติดเช่นเดียวกัน


ในยุคสงครามยาเสพติด (War on Drugs) ที่เริ่มในช่วงทศวรรษที่ 1970 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน สหรัฐฯ ได้มีการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดในการปราบปรามการใช้และการค้ายาเสพติดทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยสหรัฐฯ ได้ใช้ความสัมพันธ์ทางการทูตและการสนับสนุนทางการเงินเพื่อกดดันประเทศอื่น ๆ ให้ดำเนินนโยบายที่เข้มงวดในการควบคุมและปราบปรามยาเสพติด


การกระทำนี้มีผลทำให้หลายประเทศในโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคอเมริกาใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องปรับนโยบายและกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลที่สหรัฐฯ ผลักดัน


ภาพร้านขายกัญชาช่วง ค.ศ.1970
ภาพร้านขายกัญชาช่วง ค.ศ.1970

หลังจากที่สหรัฐฯ กดดันให้หลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยเข้มงวดในการควบคุมยาเสพติด ประเทศไทยได้ดำเนินนโยบายที่เข้มงวดในการปราบปรามการใช้และการค้ายาเสพติด รวมถึงกัญชา ซึ่งถูกจัดให้เป็นยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย ในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา กัญชาในประเทศไทยถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยกฎหมายและมีบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับการครอบครองและการค้า


ในปี พ.ศ. 2522 กัญชาถูกจัดเป็นยาเสพติดประเภท 5 ห้ามปลูก ครอบครอง ซื้อ ขาย หรือแจกจ่าย กฎหมายฉบับนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้กัญชาอย่างมาก หลายคนถูกจับกุมและถูกจำคุก กัญชากลายเป็นสินค้าที่หายากและมีราคาแพง ตลาดมืดสำหรับกัญชาเฟื่องฟู


แล้วทำไมสหรัฐอเมริกาที่เป็นประเทศซึ่งออกกฎให้กัญชาผิดกฎหมาย ถึงอนุญาติให้ประชาชน ซื้อ-ขาย กัญชาได้ล่ะ?

ในอดีต สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการควบคุมกัญชาอย่างเข้มงวดที่สุด โดยในปี 1970 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศใช้กฎหมาย Controlled Substances Act (CSA) ซึ่งจัดให้กัญชาเป็นสารเสพติดประเภทที่ 1 (Schedule I) ที่ไม่มีการใช้ทางการแพทย์ที่ยอมรับได้และมีความเสี่ยงสูงต่อการเสพติด


ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีการค้นพบทางวิทยาศาสตร์มากมายเกี่ยวกับกัญชา พบว่ากัญชามีสารเคมีที่เรียกว่า "แคนนาบินอยด์" ซึ่งมีคุณสมบัติทางยาหลายประการ เช่น ต้านอาเจียน แก้ปวด ลดการอักเสบ กระตุ้นความอยากอาหาร


การวิจัยเหล่านี้ทำให้เกิดมุมมองใหม่ต่อกัญชา หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายกฎหมายเกี่ยวกับกัญชา อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์และการสันทนาการ


ปัจจัยที่ทำให้เปลี่ยนแปลงทางกฎหมายกัญชาในสหรัฐอเมริกาจากการห้ามสู่การอนุญาตให้ซื้อขาย

  1. การเปลี่ยนแปลงทัศนคติทางสังคม : ทัศนคติของประชาชนในสหรัฐฯ ต่อกัญชาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา จากการมองว่ากัญชาเป็นสารเสพติดที่อันตราย กลับกลายเป็นว่าผู้คนเริ่มเห็นว่ากัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์และไม่ก่อให้เกิดอันตรายเท่าที่เคยเชื่อในอดีต ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในหลายปีหลังพบว่า ส่วนใหญ่ของประชาชนสนับสนุนให้กัญชาถูกกฎหมายทั้งในทางการแพทย์และการพักผ่อนหย่อนใจ

  2. การรับรองทางการแพทย์ : งานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้นได้แสดงให้เห็นว่ากัญชามีประโยชน์ในการรักษาอาการปวดเรื้อรัง, คลื่นไส้จากการทำเคมีบำบัด และอื่น ๆ ผลการวิจัยเหล่านี้ทำให้หลายรัฐเริ่มอนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ และมีการออกใบอนุญาตให้กับคลินิกและสถานพยาบาลที่สามารถจำหน่ายกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย

  3. ผลกระทบทางเศรษฐกิจ : การทำให้กัญชาถูกกฎหมายสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงาน, รายได้จากภาษี, และการลงทุนในอุตสาหกรรมกัญชา หลายรัฐได้เห็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการเก็บภาษีจากการขายกัญชา ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้กับรัฐและภาคเอกชน

  4. นโยบายและการปฏิรูปกฎหมาย : การปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับกัญชาเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม การลดจำนวนผู้ที่ถูกจับกุมและขังในคดีเกี่ยวกับกัญชา และการลดภาระงานของระบบกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย การทำให้กัญชาถูกกฎหมายจึงเป็นวิธีการหนึ่งในการปฏิรูปและปรับปรุงระบบยุติธรรม

  5. และข้อสุดท้าย การยอมรับของรัฐและประชาชน : หลายรัฐในสหรัฐฯ ได้ผ่านกฎหมายที่อนุญาตให้ใช้กัญชาทั้งทางการแพทย์และการพักผ่อนหย่อนใจจากการลงประชามติและการสนับสนุนจากประชาชนทั่วไป การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายนี้ทำให้รัฐต่างๆ ต้องปรับนโยบายเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และสร้างกรอบกฎหมายที่ชัดเจนในการควบคุมและจัดการการใช้กัญชาอย่างเหมาะสมและปลอดภัย


ในปัจจุบันประชาชนในหลายรัฐของสหรัฐฯ ใช้กัญชาทั้งในทางการแพทย์และการพักผ่อนหย่อนใจ การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลมาจากการวิจัยและการรับรองทางการแพทย์ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงทัศนคติทางสังคมที่เห็นว่ากัญชามีประโยชน์และไม่ก่อให้เกิดอันตรายเท่าที่เคยเชื่อในสมัยอดีต


เป็นยังไงบ้างคับสำหรับข้อมูลประวัติศาสตร์กัญชา นี้ยังเป็นเพียงประวัติศาสตร์แค่ช่วงหนึ่งของกัญชาเท่านั้น 'กัญชา' อยู่ในโลกใบนี้มาประมาณ 3,000 กว่าปี (เท่าที่ประวัติศาสตร์เคยค้นพบ) อยู่ในอารยธรรมโบราณต่างๆอีกมากมาย ครั้งหน้าบังจะนำข้อมูลสาระความรู้ดีๆแบบนี้มาบอกเล่าให้สหายทุกๆท่านนะคับ วันนี้ต้องขอบคุณมากๆที่อุส่าห์อ่านและติดตามมาจนถึงตอนนี้ 💚


 

สินค้ากัญชาไทยคุณภาพพรีเมี่ยมจากร้าน BANGYA BONG ZING






0 ความคิดเห็น

コメント


bottom of page