เขียนโดยร้าน BANGYA BONG ZING วันที่ 09 มีนาคม 2568

กัญชงและกัญชาเป็นพืชที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ดี เนื่องจากสามารถดูดซับ CO2 จากชั้นบรรยากาศได้มาก การศึกษาจาก UNCTAD ชี้ว่ากัญชงดูดซับ CO2 ได้มากกว่าพืชเชิงพาณิชย์ทั่วไปและป่าในหลายพื้นที่ ซึ่งช่วยสนับสนุนการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การเปรียบเทียบกับป่าแม้ว่าบางป่า เช่น ป่า eucalyptus ในพื้นที่ชื้น สามารถดูดซับ CO2 ได้มากถึง 40.7 ตันต่อเฮกตาร์ต่อปี แต่ป่าสนในพื้นที่บอร์อีกลดูดซับเพียง 4.5 ตันต่อเฮกตาร์ต่อปี ซึ่งกัญชง (9-13 ตันต่อเฮกตาร์ต่อปี) ดูดซับได้ดีกว่าในหลายกรณี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับป่าทั่วไป
นอกจากนี้ การดูดซับ CO2 ของกัญชงยังช่วยล็อกคาร์บอนไว้ในเส้นใย ซึ่งสามารถนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น วัสดุก่อสร้างและสิ่งทอ ทำให้เป็นพืชที่ยั่งยืนทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ
การสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของกัญชงในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) พบว่าเป็นหัวข้อที่มีความสำคัญต่อการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะในบริบทของการพัฒนาประเทศที่กำลังพัฒนา รายงานนี้สรุปข้อมูลจากบทความและรายงานของ United Nations Conference on Trade and Development (UNCTAD) รวมถึงแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นที่ความสามารถในการดูดซับ CO2 ของกัญชงเมื่อเทียบกับพืชและป่าอื่นๆ
1. ความสามารถในการดูดซับ CO2 ของกัญชง
ตามรายงานของ UNCTAD ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2022 Commodities at a glance: Special issue on industrial hemp | UNCTAD
กัญชงสามารถดูดซับ CO2 ได้มากกว่าพืชเชิงพาณิชย์อื่นๆ และป่าในหลายพื้นที่ โดยอ้างอิงจากงานวิจัยของ Adesina et al. (2020) และ Liu et al. (2017)
การดูดซับ CO2 เกิดขึ้นผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยกัญชงเก็บคาร์บอนไว้ในลำต้นและราก ซึ่งทำให้เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนที่สำคัญ
นอกจากนี้ เศษเหลือจากกัญชงยังสามารถนำไปผลิต biochar ซึ่งช่วยเพิ่มการกักเก็บคาร์บอนในดินและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามการศึกษาของ Lehmann et al. (2006) และ Andreae and Merlet (2001)
2. ตัวเลขการดูดซับ CO2
รายงานระบุตัวเลขที่ชัดเจนเกี่ยวกับการดูดซับ CO2 ของกัญชง:
กัญชงสามารถดูดซับ CO2 ได้ประมาณ 1.65 ตันต่อตันของกัญชง (อ้างอิงจาก Vosper, 2011)
โดยสมมติฐานผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 5.5 ถึง 8 ตันต่อเฮกตาร์ การดูดซับ CO2 จึงอยู่ระหว่าง 9 ถึง 13 ตันต่อเฮกตาร์ต่อปี
การคำนวณนี้สอดคล้องกับข้อมูลที่ระบุว่า:
5.5 ตันต่อเฮกตาร์ * 1.65 ตัน CO2/ตัน = ประมาณ 9.075 ตัน CO2/เฮกตาร์
8 ตันต่อเฮกตาร์ * 1.65 ตัน CO2/ตัน = ประมาณ 13.2 ตัน CO2/เฮกตาร์

3. การเปรียบเทียบกับป่า
เมื่อเปรียบเทียบกับป่า รายงานให้ข้อมูลว่า:
ป่าสนในภูมิภาคบอร์อีกลสามารถดูดซับ CO2 ได้ 4.5 ตันต่อเฮกตาร์ต่อปี
ป่า eucalyptus ในพื้นที่ชื้นสามารถดูดซับได้สูงถึง 40.7 ตันต่อเฮกตาร์ต่อปี โดยเฉพาะในช่วง 20 ปีแรกของการเจริญเติบโต
แม้ว่าบางป่าจะดูดซับ CO2 ได้มากกว่ากัญชง (เช่น ป่า eucalyptus) แต่กัญชงยังคงมีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับป่าทั่วไปและพืชเชิงพาณิชย์อื่นๆ
4. ความสำคัญและข้อมูลเพิ่มเติม
การดูดซับ CO2 ของกัญชงไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังช่วยล็อกคาร์บอนไว้ในเส้นใย ซึ่งสามารถนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น วัสดุก่อสร้าง สิ่งทอ และเชื้อเพลิงชีวภาพ นอกจากนี้ กัญชงยังเป็นพืชที่เติบโตเร็วและใช้ทรัพยากรน้อย เช่น น้ำและปุ๋ย ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
จากการค้นคว้าเพิ่มเติมพบว่า กัญชงสามารถดูดซับ CO2 ได้ 8-15 ตันต่อเฮกตาร์ต่อปี ซึ่งมากกว่าป่าในหลายกรณี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับป่าที่ดูดซับ 2-6 ตันต่อเฮกตาร์ต่อปี
กัญชงยังช่วยฟื้นฟูดินและสามารถปลูกได้หลายรอบต่อปีในบางภูมิภาค เช่น ในประเทศที่มีอากาศร้อน(แบบบ้านเรา) สามารถปลูกได้ 3 รอบต่อปี ซึ่งเพิ่มศักยภาพในการดูดซับ CO2 และสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น

เป็นยังไงกัญบ้างครับสหาย วันนี้บังนำความรู้ที่มีงานวิจัยรับรองมาแบ่งปันให้กับทุกๆท่าน เพื่อช่วยกันสร้างความเข้าใจให้สังคมไทยเข้าใจว่ามันเป็นพืชที่มีประโยชน์รอบด้านหากมองพิจารณาให้ดี พืชที่พวกเรารักมีดีกว่าแต่เป็นยาและของใช้ส่วนตัว แถมยังช่วยลดคาร์บอนช่วยให้มนุษย์อย่างเรา ได้หายใจอย่างเต็มปอดและสดชื่นมากกว่าปัจจุบันนี้ที่เต็มไปด้วยมลภาวะที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ทั้งนั้น แต่กลับเขียนและกำหนดกฎหมายทำให้ต้นไม้กลายเป็นผู้ร้าย !!
BANGYA BONG ZING
สินค้ากัญชาไทยคุณภาพพรีเมี่ยมจากร้าน BANGYA BONG ZING
Comments